3 Steps To Successful B2B Digital Marketing

Among the ASEAN countries including Thailand and Malaysia, the outbound marketing like telephone sales and walk-in sales are over. One of the reasons is due to the COVID-19 but it is not only that. We will explain how to effectively achieve greater results of B2B digital marketing in ASEAN countries such as Thailand and Malaysia.

From outbound sales to inbound sales

1. Google search accuracy is continuously improving

At Google, they put all of their technology into it so that the information that users are looking for can be displayed more accurately at the top, and are conducting tests and improvements every day to improve search accuracy. It is because if the world evaluates the convenience that “the product or service you are looking for will come out accurately”, the number of users will increase and the number of clicks on advertisements will increase, which is the pillar of Google’s income.

2. Users use Google to search for the products and services

At the same time as improving the accuracy of search results, the information quality and usability of corporate websites have also improved. This is because companies in the old days say, “We have a website but that’s it” will lose credibility.

Therefore, customers can now search and compare products and services online, and contact directly through websites to obtain the information they need to make a decision.

“I’m busy, I’m not interested in door-to-door sales, don’t bring catalog or brochure” as the word that one of the Japanese manufacturing companies actually said to a new door-to-door salesman who came to their office. Now that there is more than enough information to collect online, we need to shift from outbound sales to inbound sales.

For B2B companies to achieve results in digital marketing (inbound sales)

In our blog last month, we explained the importance of building a website for B2B companies and five important points in creating a website. Above all, it is a prerequisite that websites have become an extremely important business tool for B2B companies.

This time, we will explain how to use the website as one of digital marketing tools to make new inquiries and acquire potential customers.

1. Approaching potential customers to websites

There are many companies that mistakenly think that when a website is launched on the Internet, “Internet users naturally find their site by searching and many people access it.” If you think about it from the point of view of users searching for information, you probably will view only the first page of the search results, second page at the most. With so many websites on the market, it’s very difficult to get your website to the top of your search results. And if you do not announce your products and services online and gain awareness, the website you have created will not be accessed.

Therefore, in order to attract potential customers and prospective customers who want to access the company’s site, use SEO (search engine optimization), social media such as Facebook, Instagram and online advertisement, etc. to let them know about your products and services.

2. From retargeting users who have accessed the websites

Make the website structure easy for the users to find what they are looking for, and generate conversions such as contact to company by submitting contact us form. Plus, retarget the users who have visited the website and left before reaching to conversion to access the page again by running retargeting (tracking) advertisements.

3. Nurture the acquired leads to get contract

The potential customers who contacted via the website still are going to do more research online and compare with other companies before making the final decision. During the period of users comparing with other companies, it is important to continue to send emails, hold webinars, and send explanation videos of products and services as a support for the decision making process. This way, nurturing potential customers will finally lead to actual customers.

Summary

We have explained how to successfully proceed digital marketing for B2B companies to achieve business results centered on websites. The content introduced here is a method that is actually producing results for many of our customers, including our company, which is a B2B company.

Most B2B companies say, “There are sales people, but there is no marketing department.”You need a contact window person, but having marketing knowledge is not necessary. Our staff will support you from hearing to planning, proposal and operation as a professional consultant.

If you are considering in shifting to inbound marketing but don’t know where to start, or if you have a website but you don’t get good results, please feel free to contact us!

5 ข้อสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับเว็บไซต์ของธุรกิจ B2B

เว็บไซต์มีบทบาทสำคัญมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการปรับเปลี่ยนไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งบริษัท B2B หลายแห่งก็เริ่มดำเนินการปรับตัว แม้แต่ในประเทศไทยที่มีประชากรประมาน 69 ล้านคนและมีอัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟนสูงถึง 97% และทุกคนต่างก็มีบรรทัดฐานและมีสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย
จนถึงขณะนี้ บริษัท B2B หลายที่ได้ใช้วิธีการขายแบบเข้าหาลูกค้าโดยตรง แต่เนื่องจากตอนนี้อินเทอร์เน็ตได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจการรวบรวมข้อมูลทางออนไลน์และติอต่อผ่านเว็บไซต์โดยตรงจึงเพิ่มขึ้น มีหลายกรณีที่การสอบถามผ่านเว็บไซต์นำไปสู่การเจรจาทางธุรกิจ ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ขององค์กรที่มีการแสดงข้อมูลของบริษัท วัสดุผลิตภัณฑ์ ฯลฯ เพียงอย่างดียวจึงกลายเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการทบทวนและปรับปรุง จากการสำรวจของ Forrester 2019 พบว่า 60% ของผู้ซื้อในนามองค์กรกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้เลือกพนักงานขายเป็นแหล่งข้อมูลหลัก นอกจากนี้ดูเหมือนว่า 62% ของบริษัทต่างๆ ตอบว่าสามารถจำกัดผลิตภัณฑ์ให้แคบลงเพื่อซื้อโดยพิจารณาจากเนื้อหาดิจิทัลเท่านั้นและเลือกรายชื่อซัพพลายเออร์ เพราะเหตุนี้เว็บไซต์จึงกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญสำหรับธุรกิจ B2B โดยเราขอแนะนำ 5 ประเด็นสำคัญในการสร้างเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จสำหรับธุรกิจ  B2B

1. กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน

จุดประสงค์ของเว็บไซต์ไม่ได้เป็นเพียงการต่ออายุการใช้งานแต่เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจโดยการดำเนินการปรับปรุงเว็บไซต์ให้เกิดประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่นในกรณีของ บริษัท B2B จุดประสงค์ของเว็บไซต์อาจเพื่อสร้าง “การสอบถาม” หรือ “ขอสินค้าตัวอย่าง” เป็นต้น

ตัวอย่าง)
วัตถุประสงค์ = ความสำเร็จที่คุณต้องการสร้างบนเว็บไซต์ของคุณ = เพิ่มการสอบถาม ได้รับ 5 คำถามต่อเดือน
วิธีการ = บรรลุวัตถุประสงค์ = เพิ่มจำนวนการเข้าถึงปรับปรุง CVR (กำหนดค่าตัวเลขให้ชัดเจน)

 

นอกจากนี้เนื่องจากเว็บไซต์เป็นแพลตฟอร์มในการเชื่อมต่อกับลูกค้าสิ่งสำคัญคือโครงสร้างต้องง่ายสำหรับผู้ใช้ที่ออกแบบอย่างเหมาะสมจากมุมมองของผู้ใช้ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ซึ่งหลังจากเปิดตัวเว็บไซต์แล้วเราจะต้องดำเนินการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์โดยการวิเคราะห์การเข้าถึง ค้นหา หรือแหล่งที่มา โดยใช้การวิเคราะห์ PDCA ที่นำไปสู่มาตรการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพให้ตรงต่อความต้องการของเป้าหมายเรามากขึ้น

2. ทราบปัญหาของบริษัทของคุณ

หลังจากกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายแล้ว การวิเคราะห์ถึงปัญหาปัจจุบันว่าเกิดจากอะไรเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุจุดประสงค์และสิ่งที่ต้องทำอย่างอย่างไร เพื่อหามาตรการแก้ปัญหากันต่อไป

ตัวอย่างเช่นหากวัตถุประสงค์คือ “เพิ่มการสอบถามข้อมูล” คุณต้องวิเคราะห์สถานการณ์บริษัทของคุณ หากคุณเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศไทยหรือคนในประเทศไทยไม่คุ้นเคยกับบริษัทของคุณ ดังนั้นกลยุทธ์คือการสร้างการรับรู้เพื่อเพิ่มคุ้นชินให้กับแบรนด์ควรเป็นขั้นตอนแรก และหากจำนวนการสอบถามหรือการมีส่วนร่วมไม่เพิ่มขึ้นเราก็ควรวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน เช่น เว็บไซต์ของคุณจะปรากฏบนหน้าจอผลการค้นหาอย่างไร และคุณจะทำอย่างไรเพื่อให้มันขึ้นในหน้าแรก นี่คือสิ่งที่เราควรคำนึงและวางกลยุทธิ์ให้ตรงจุดประสงค์

3. รู้จักสินค้า / บริการของคุณและกลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร

เมื่อคุณเข้าใจปัญหาของบริษัทและกำหนดกลยุทธ์ที่ตรงตามประเด็นแล้ว คุณสามารถวางแผนที่เป็นรูปธรรมในการสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ อธิบายผลิตภัณฑ์และบริการ กลุ่มเป้าหมายที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ และหากเป็นเว็บไซต์ของธุรกิจ B2B การสร้างช่องทางการติดต่อสำหรับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์และบริการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งลูกค้ากำลังมองหาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาของพวกเขาและพิจารณาซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตัวอย่างเช่นหากมีปัญหาเช่น “ความร่วมมือระหว่างแผนกไม่ได้รับการยอมรับอย่างดีและการบริหารเวลาไม่ดี” ก็จะนำไปการมองหาแนวทางแก้ไข โดยเราดึงดูดลูกค้าด้วยหัวข้อในลักษณะคำถามที่น่าสนใจ เช่น  “ถึงเวลาพิจารณาการจัดการการผลิตใหม่แล้วหรือยัง?”. ด้วยการโพสต์บนเว็บไซต์ในลักษณะที่เข้าใจง่ายว่าลูกค้าเป้าหมายมีปัญหาประเภทใดและผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขาสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างไรเพื่อนำไปสู่การเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท ด้วยการทำความเข้าใจรูปแบบพฤติกรรมของลูกค้าทำให้สามารถออกแบบนโยบายและสร้างเว็บไซต์ที่มีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้

4. การออกแบบที่เน้นข้อความ

เว็บไซต์มีไว้สำหรับผู้ใช้งานดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่การออกแบบจะง่ายสำหรับผู้ใช้ที่จะมองเห็น ต่อไปนี้เป็นประเด็นที่ควรคำนึงถึงเมื่อออกแบบเว็บไซต์สำหรับ บริษัท B2B

  • การออกแบบบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า บริษัทเป็นแบบใดในการมองเห็นครั้งแรก
  • การออกแบบนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมไซต์สามารถค้นหาข้อมูลได้โดยไม่เกิดการสับสน
  • การออกแบบนั้นบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือและไว้วางใจหรือไม่
  • การออกแบบมีปุ่ม Call to action หรือไม่
  • การออกแบบนั้นอ่านง่ายแม้ในโทรศัพท์หรือไม่

องค์ประกอบทั้งหมดข้างต้นควรรวมอยู่ในการออกแบบเพื่อให้สามารถนำไปสู่การแปลงได้ดีขึ้นและเกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

5. การจัดการเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อ

การเปิดตัวเว็บไซต์ไม่ใช่จุดสิ้นสุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้องแม้ว่าจะได้รับการพัฒนาแล้วก็ตาม เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายสำหรับเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าถึงได้ โดยเมื่อสร้างเว็บไซต์ใหม่จำเป็นต้องพิจารณาถึงวิธีดึงดูดลูกค้ามายังเว็บไซต์ด้วย ซึ่งมีวิธีการต่างๆ ในการดึงดูดลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์ เช่น โฆษณา, ปรับปรุง SEO, การโพสต์บนโซเชียลมีเดีย และการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงการอัพเดทบทความหัวข้อที่น่าสนใจบนเว็บไซต์เป็นประจำก็ช่วยในเรื่องของการค้นหาเว็บไซต์ได้ง่ายและดึงดูดผู้ชมเข้ามาในหน้าเว็บไซต์ได้มากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง

  • News

การอัพเดทเนื้อหา การแจ้งเตือน เช่น อัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และข้อมูลเหตุการณ์เป็นครั้งคราว หากข่าวล้าสมัยจะส่งผลต่อความไว้วางใจของผู้ใช้และผลกระทบต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของหน้าค้นหาอีกด้วย

  • Case study

ด้วยการเพิ่มจำนวนบทความกรณีศึกษาเป็นประจำบนเว็บไซต์ เสนอผลิตภัณฑ์และบริการ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้จินตนาการได้ง่ายขึ้นว่าจะได้อะไรหลังจากได้รับผลิตภัณฑ์ / บริการในกรณีของตน

  • Blog

การอัพเดทเนื้อหาของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มการนำเข้าไปสู่เว็บไซต์ขอวองค์กร (การเข้าชมจากผลการค้นหาคำหลัก)

นอกจากนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการในการอัพเดทเนื้อหาดังกล่าวควรทำอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สถานะการเข้าถึงเป็นระยะโดยรับรู้ปัญหาและแนวทางการปรับปรุง โดยในการวิเคราะห์การเข้าถึงจำเป็นต้องอ้างอิงถึงค่าตัวเลขทั่วไปเช่น PV (จำนวนการดูหน้าเว็บ), UU (จำนวนผู้เยี่ยมชม), อัตราตีกลับอัตรา, Conversion, เป็นต้น แต่จากผลการวิเคราะห์ให้ตั้งสมมติฐานที่จะเป็นปัญหาเพื่อแก้ไขและปรับปรุง อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือต้องสะท้อนการทำงานในแผน ตัวอย่างเช่น หากอัตราตีกลับสูงกว่าอัตราอื่นๆ เมื่อมีโฆษณาเข้ามาเท่านั้น จึงมีการตั้งสมมติฐานว่าโฆษณาและหน้าปลายทางอาจไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ หากการออกแบบโฆษณาหรือข้อความไม่เหมาะกับผู้ใช้เป้าหมายจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อเปลี่ยนแปลงการออกแบบโฆษณาและจำเป็นต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงหน้า landing page อีกด้วย

สรุป

หวังว่า 5 ข้อสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับเว็บไซต์ของธุรกิจ B2B ที่ทางเราได้แนะนำไปจะช่วยเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้สร้างประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้นได้นะครับหรือหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนหรือหากคุณมีเว็บไซต์แต่ผลลัพธ์ไม่ดีโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา!

5 เหตุผล ทำไม Video Marketing มีผลต่อธุรกิจ B2B

บริษัท B2B หลายแห่งเชื่อว่าการตลาดด้วยวิดีโออาจมีผลกับ บริษัท B2C แต่ไม่ใช่สำหรับธุรกิจ B2B ซึ่งเมื่อก่อนเนื้อหาส่วนใหญ่มักจะเป็นข้อความและรูปภาพ แต่ปัจจุบันวิดีโอกลายเป็นหนึ่งในวิธีการทางการตลาดที่สำคัญ แต่จะใช้สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างไร? เราจะอธิบายเหตุผลที่ บริษัท B2B ควรทำวิดีโอมาร์เก็ตติ้งให้ฟังกัน

5 เหตุผล ทำไมธุรกิจ B2B ควรทำ Video Marketing

1.Google ชอบวิดีโอ
2.เพิ่มการสอบถามจากผู้ที่สนใจ
3.ผู้ชมชอบที่จะดูวิดีโอ
4.อธิบายและเข้าได้ง่าย
5.สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าได้ตรงจุด

ในแต่ละวันคุณดูวิดีโอบ่อยแค่ไหน? ในประเทศไทยตามข้อมูลที่แสดงในเดือนมกราคม ในจำนวนประชากรทั้งหมดประมาน 69 ล้านคน 52 ล้านคนใช้อินเทอร์เน็ต โดย Youtube เป็นแพลทฟอร์มที่คนนิยมใช้มากที่สุดรองมาจาก Google โดยเฉลี่ยแล้วมีคนชมวิดีโอ 7 วิดีโอในทุกๆวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นจากสถานการณ์โควิท ที่ทุกคนต้องอยู่บ้านเพื่อรักษาระยะห่าง โดยในธุรกิจ B2B การจัดสัมมนาและนิทรรศการเป็นช่องทางหลักในการเปิดตัวบริการของตนและเพื่อหาลูกค้าที่มีโอกาสในการสั่งซื้อ
ในช่วง COVID-19 บริษัท B2B จำนวนมากสูญเสียโอกาสในการจัดสัมมนาและนิทรรศการซึ่งเป็นช่องทางหลักในการติดต่อลูกค้าเพื่อแนะนำบริการของตน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ การใช้วิดีโอเพื่อเผยแพร่บริการและผลิตภัณฑ์เป็นเครื่องมือในการขายสำหรับการเจรจาธุรกิจออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

1. Google ชอบวิดีโอ

บ่อยครั้งที่กูเกิ้ลใช้อัลกอริทึมในการเลือกเว็บไซต์และจัดหาคอนเทนท์ที่มีคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้ค้นหา
ซึ่งหมายความว่ามีแนวโน้มอย่างมากที่จะแสดงเนื้อหาที่มีวิดีโอมากกว่าข้อความและรูปภาพ หากวิดีโอถูกฝังไว้ในไซต์ของคุณ Google มีแนวโน้มที่จะแสดงในหน้าแรกแทนที่จะผลักดันวิดีโอนั้นไว้ด้านล่างของผลการค้นหา เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ใช้จะคลิ๊กเนื้อหาที่แสดงในหน้าแรกของผลการค้นหามากกว่าการข้ามไปยังหน้าที่สองและหน้าที่ตามมา

2. เพิ่มการสอบถาม

แนวโน้มของผู้ใช้ในปัจจุบันคือการค้นหาข้อมูลที่ต้องการทางออนไลน์มีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติก่อนการตัดสินใจซื้อ ผู้ซื้อจะค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก่อนเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ต้องการ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีหากเราสร้างคอนเทน์ทผ่านรูปแบบวิดีโอเพื่อดึงดูดผู้ชมและสร้างความเข้าใจได้อย่างง่ายดายจากภาพเคลื่อนไหวและเสียงการอธิบายที่ชัดเจน หากสินค้าและบริการของเราตรงใจผู้ซื้อก็ไม่ยากเลยที่จะได้การตอบสนองกลับมาผ่านช่องทางการติดต่อต่างๆ

3. ผู้ชมชอบวิดีโอ

เนื่องจากกิจกรรมออนไลน์มากกว่าหนึ่งในสามเกี่ยวข้องกับการดูวิดีโอการใช้วิดีโอในธุรกิจของคุณจึงมีแนวโน้มที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่และผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า
ดังนั้นการตลาดผ่านวิดีโอจึงมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากในการเพิ่มการรับรู้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือแม้แต่เพิ่มการสอบถาม โดยลูกค้ากว่า 80% ชอบ “ดู” วิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากกว่า “อ่าน” เกี่ยวกับมัน

4. อธิบายและเข้าใจได้ง่าย

วิดีโอสามารถสื่อถึงจุดที่ไม่สามารถสื่อได้อย่างชัดเจนด้วยข้อความหรือรูปภาพ ข้อได้เปรียบที่สุดของการใช้วิดีโอสำหรับการตลาดแบบ B2B คือคุณสามารถดึงดูดคุณค่าของสินค้าที่ไม่สามารถสื่อด้วยรูปภาพหรือข้อความได้ จากการสำรวจของ Forrester วิดีโอความยาว 1 นาทีมี 1.8 ล้านคำและเว็บไซต์มีข้อมูลมูลค่า 3,600 หน้า การผสมเสียงและภาพทำให้สามารถสร้างเนื้อหาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป้าหมายได้ นอกจากนี้การวางวิดีโอในหน้า Landing Page ของคำอธิบายสินค้าจะช่วยดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้น ในกรณีของ B2B สิ่งสำคัญคือต้องอธิบายว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการมีประโยชน์ต่อบริษัทอย่างไร จำเป็นที่จะต้องให้ผู้คนเข้าใจถึงข้อดีของการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วยการใช้วิดีโอที่สามารถอธิบายได้อย่างง่ายดาย

5. สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าได้ตรงจุด

ผลลัพธ์ถูกจำกัดด้วยการทำวิดีโอและวางบนเว็บไซต์เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะนำเสนอต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านการโฆษณาไปยังลูกค้าที่คาดหวัง ซึ่งแตกต่างจากโฆษณาแบนเนอร์ที่ประกอบด้วยรูปภาพและข้อความโฆษณาวิดีโอสามารถถ่ายทอดความแตกต่างโดยละเอียดได้ นอกจากนี้ยังให้ความประทับใจอย่างมากซึ่งมีผลในการปรับปรุงการรับรู้และส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ บน YouTube และ SNS โดยโฆษณาสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและยังช่วยผลักดันให้วิดีโอของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในขนาดกว้าง

สรุป

เนื่องจากความต้องการการตลาดวิดีโอของธุรกิจ B2B เพิ่มขึ้นสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงประโยชน์ของการตลาดวิดีโอและวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ เราพร้อมพูดคุยและให้คำปรึกษากับคุณเพื่อที่จะนำข้อมูลไปสร้างวิดีโอให้ประสิทธิภาพและโดนใจกลุ่มเป้าหมาย หากคุณรู้ว่าต้องทำวิดีโอ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรโปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา!

ตลาดดิจิทัลในประเทศไทยในปี 2563

บริษัทจำนวนมากขึ้นกำลังเพิ่มการลงทุนในโฆษณาของ Google LINE และ Facebook

ตลาดดิจิทัลกำลังทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจและบรรลุผลลัพธ์ที่มากขึ้น เราจึงต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มและกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลล่าสุดที่ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

มาดูแพลตฟอร์มหลักทางการตลาดดิจิทัลในประเทศไทยในปี 2563

Source:Digital 2020 Thailand (January 2020) v01, DataReportal 

จากแหล่งข้อมูลข้างต้น Facebook (47 ล้าน) เป็นโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดตามด้วย Instagram (12 ล้าน) และ Twitter (6.55 ล้าน) จากมุมมองการตลาดดิจิทัลเครือข่ายสังคมเช่น Facebook, Instagram และ Twitter มีจุดแข็งที่สามารถกำหนดเป้าหมายผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ

ในจำนวนประมาณ 69 ล้านคนในประเทศไทย
52 ล้านคนใช้อินเทอร์เน็ต ผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่า 47 ล้านคนใช้ Facebook ผู้ใช้งานเน็ตในประเทศไทยใช้โซเชียลมีเดียเหล่านี้เฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน สิ่งสำคัญที่จะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่ทำแคมเปญการตลาด ฯลฯ และเข้าหากลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ
Facebook ได้กลายเป็นกระแสหลัก  สามารถใช้สำหรับกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่นการทำแคมเปญสำหรับแต่ละเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของ บริษัท นอกจากนี้เรายังพบว่าโพสต์โดยเฉพาะที่มีเนื้อหาวิดีโอมีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุดของโพสต์ Facebook ทุกประเภท

แอปพลิเคชั่นการสื่อสารที่ได้รับความนิยม LINE มีผู้ใช้ 42 ล้านคนในประเทศไทยซึ่ง 39 ล้านคนใช้งานไทม์ไลน์ สถิติแสดงให้เห็นว่าประมาณ 90% ของผู้ใช้กำลังดูไทม์ไลน์

กุญแจสำคัญคือการเข้าใจกลยุทธ์ของบริษัท อย่างชัดเจนว่าแพลตฟอร์มใดเป็นที่ต้องการสำหรับเป้าหมายและรู้ว่าสื่อใดที่จะใช้เพื่อให้บรรลุยอดขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ติดต่อเราได้ หากท่านต้องการขยายธุรกิจในประเทศไทย เราจะวางแผนการตลาดเพื่อให้ทุกบริษ้ทบรรลุเป้าหมาย

Digital Advertising Spending In Thailand 2019

Previously, we have shared on our blog that from 2012 to 2017, there are digital shift in marketing in Thailand, meaning that digital channel marketing is increasing. Today let’s look at what changes have occurred in 2018 and the first half of 2019 and how is it accelerating?

We hope you find it useful for future marketing plans in Thailand.

Digital Advertising expenses in Thailand (~2019)

Source:Digital Advertising Association (Thailand) /  DAAT

Thailand’s digital advertising spending has increased 36% from 2017 to 2018, reaching a total of 17 billion baht by the end of the year. The Japanese yen is 51.0 billion yen (calculated as 1THB = 3 yen). Japan’s digital advertising expenses in 2018 are 1,758.9 billion yen (116.5% compared to the previous year) (Dentsu: Japanese advertising expenses | quoted from advertising expenses by medium), so in comparison, the Thai digital advertising market is still small yet it’s showing a huge growth and it has continuing to grow over the years.

Thailand digital advertising spending continues to grow but is projected to close the year at a slower rate than 2018 (+19% vs +36%).  Total digital spending in 2019 is expected to exceed 20 Billion baht (Reference: Digital Advertising Association (Thailand) KANTAR).

Next, let’s take a look at the changes in advertising expenses from 2018 to present 2019 for the four mass media (TV, newspaper, magazine, radio), which are representatives of traditional Thai advertising.

Thailand Mass 4 Media Advertising Expenditure by Media

Comparing 2018 and 2019, we can see that advertising expenses for media other than digital TV are decreasing. This may be cause of fast online media growth as digital media gets closer to consumers behaviors each day.

Let’s take a look at what kind of industries cooperated in digital spending in Thailand. In 2017, communications was the biggest digital ad spender.

Digital advertising expenses by industries in Thailand (2017)

Source:Digital Advertising Association (Thailand) /  DAAT

Digital advertising expenses by industries in Thailand (2018)

Source:Digital Advertising Association (Thailand) /  DAAT

How was it changed from 2018 until now? In 2017, 1st place was communications companies but from 2018 it has dropped by 18% with the automotive industry holding down 13% of the total.

Digital advertising expenses by industries in Thailand (2019)

Source:Digital Advertising Association (Thailand) /  DAAT

In 2018, the automotive industry was the largest digital advertising spender, followed by telecommunications companies and skin care. In Thailand, however, the introduction of next-generation communications standards “5G” is not yet expected, so in 2019 it is expected that skincare will overtake communications.

Let’s see what kind of digital advertising media/platform these companies are running.

Digital advertising expenses by media in Thailand (2019)

Source:Digital Advertising Association (Thailand) /  DAAT

Of all media, Facebook is the most expensive, followed by YouTube, creatives, and displays. We believe that creative and display, primarily video-related formats, are expected to grow the most by the end of 2019.
Finally,

We can help you with digital marketing for Thai market. If you have any problems, please feel free to contact us.